มาน ในภาษาอังกฤษ| English-Thai: NECTEC's Lexitron Dictionary | |
|---|---|
| มาน | (n.) dropsy See also: edema |
| มาน | (n.) measurement See also: counting Syn. การวัด, การนับ, อัตราวัด |
| มาน | (n.) pride See also: vanity, arrogance, conceit Syn. ความถือตัว |
| มาน | (n.) heart Syn. ใจ, ดวงใจ, พระทัย, พระหทัย, กมล, แด, มน, หทัย, หฤทัย |
| มาน | (n.) heart Syn. ใจ, ดวงใจ, พระทัย, พระหทัย, กมล, แด, มน, หทัย, หฤทัย |
| มาน | (n.) pride See also: vanity, arrogance, conceit Syn. ความถือตัว |
| มาน | (n.) measurement See also: counting Syn. การวัด, การนับ, อัตราวัด |
| มาน | (n.) dropsy See also: edema |
| มานพ | (n.) human See also: people Syn. คน, มนุษย์ |
| มานพ | (n.) human See also: people Syn. คน, มนุษย์ |
| มานะ | (v.) endure See also: make a determined effort, be patient Syn. พยายาม |
| มานะบากบั่น | (v.) persevere See also: try hard Syn. พยายาม, พากเพียร, อุตสาหะ, มุมานะ |
| มานะพยายาม | (v.) be diligent See also: be industrious Syn. พยายาม, เพียร |
| มานิต | (n.) respectful person See also: honourable person, esteemed person |
| มานิต | (n.) respectful person See also: honourable person, esteemed person |
| มานี | (n.) diligent person See also: industrious person |
| มานี | (n.) diligent person See also: industrious person |
| มานุษยวิทยา | (n.) anthropology |
| English-Thai: HOPE Dictionary | |
|---|---|
| accouchement | (อะดูซมาน) fr. ระยะเก็บตัวในวัยเด็ก, การคลอด |
| afflict | (อะฟลิคทฺ') vt. ทำให้เจ็บปวด, ลำบาก, เสียใจ รำคาญหรือทรมาน, ถ่อมตัว -affliction n., -afflictive adj., Syn. trouble, plague) |
| agonise | (แอก' โกไนซ) vi.,vt. ทนทุกข์ทรมานอย่างที่สุดด้วยความเจ็บปวด, ทรมาน, ทำให้เจ็บปวด, ต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดขีด, พยายามมาก. -agonising adj. -agonisingly adv., Syn. torture, suffer, worry) |
| agony | (แอก' โกนี่) n., (pl. -nies) การทนทุกข์ทรมาน, ความเจ็บปวดยิ่ง, ความปวดร้าวทรมาน, อาการดิ้นรนก่อนตาย, การต่อสู้ที่รุนแรง |
| ail | (เอล) vt. ทำให้ปวด, ทำให้ทุกข์ทรมาน, ทำให้กลัดกลุ้ม. -vi. ปวด,ไม่สบาย, ทุกข์, Syn. disturb) |
| ailing | (เอล' ลิง) adj. ไม่สบาย, ทุกข์ทรมาน |
| air castle | วิมานในอากาศ |
| allantoin | ปัสสาวะของทารกในครรภ์ ซึ่งสามารถช่วยสมานแผลได้ |
| allemande | (แอล' ลิมานดฺ) n., (pl. -mandes) การเต้นรำในศตวรรษที่ 17-18 ที่มีจังหวะคู่ที่ช้า, ดนตรีที่อาศัยหลักการเต้นรำดังกล่าว |
| alumroot | (แอล' ลัมรูท) n. พืชจำพวก Heuchera ในอเมริการากของมันใช้เป็นยาฝาดสมาน |
| amount | (อะเมานทฺ') n. จำนวน, ปริมาณ, รวมทั้งหมด, ค่าเต็ม, จำนวนเงิน,สรุปความ. -vi. รวมเป็น,มีค่าเท่ากับ, Syn. total, sum |
| analog | (แอน' นะลอก) n. = analogue อะนาล็อก เชิงอุปมานหมายถึง วิธีการเก็บข้อมูลที่ได้จากการวัดในลักษณะต่อเนื่อง เช่น วัดความเร็วของรถยนต์จากการหมุนของวงล้อ ตรงข้ามกับ ดิจิตอล (digital) ซึ่งหมายถึง การเก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลข นาฬิกามีใช้ทั้งสองแบบ ซึ่งจะบอกความแตกต่างระหว่างอะนาล็อกและดิจิตอลได้ชัดเจน กล่าวคือ แบบหนึ่งจะแสดงเวลาเป็นตัวเลข ส่วนอีกแบบหนึ่งใช้เข็มสั้นและเข็มยาวเป็นตัวบอกเวลา เรียกว่าแบบอะนาล็อก คอมพิวเตอร์นั้นมีสองชนิด คือชนิดอะนาล็อกและชนิดดิจิตอล แต่คอมพิวเตอร์ที่เรารู้จักกันนั้นจะเก็บเฉพาะข้อมูลที่เป็นดิจิตอล "เสียง" เป็นข้อมูลที่มีลักษณะเป็นอะนาล็อก เมื่อจะนำเข้าไปเก็บในคอมพิวเตอร์ จะต้องถูกนำไปเปลี่ยนเป็นดิจิตอลก่อน โดยให้ผ่านอุปกรณ์ชนิดหนึ่งเรียกว่า "โมเด็ม" ดู digital เปรียบเทียบ |
| analogic | (al) (แอนนะลอจ' จิค, -เคิล) adj. คล้ายกัน,เหมือนกัน,อุปมา,เปรียบเหมือน analogism (อะแนล' โลจิสซึม) n. อนุมานหรือการอ้างอิงจากการเปรียบเทียบ -analogist n.,-analogistic adj. (reasoning, analogy) |
| analogue | (แอน' นะลอก) n. ของที่คล้ายกัน, ค่าที่มีความต่อเนื่องกันโดยตลอด, เชิงอุปมาน หมายถึง การแทนปริมาณแดสงจำนวนโดยการวัดในลักษณะต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ความเร็วของรถยนต์ ซึ่งวัดได้จากความเร็วของการหมุนของวงล้ออาจจะแทนได้ด้วยจำนวนเลข ดู digital เปรียบเทียบ |
| anguish | (แอง' กวิช) n. อาการปวดอย่างรุนแรง, อาการทนทุกข์ทรมานมาก, อาการกลัดกลุ้มมาก |
| anguished | (แอง' กวิชดฺ) adj. กลัดกลุ้ม, ทนทุกข์ทรมาน, Syn. agonized, suffering) |
| appellative | (อะเพล'ละทิฟว) n. สามานยนาม,นาม,ยศศักดิ์,ฉายา. -adj. เกี่ยวกับสามานยนาม, เกี่ยว กับนามหรือฉายา, Syn. designative) |
| argumentation | (อาร์กิวเมนเท'เชิน) n. ขบวนการโต้เถียงการให้เหตุผล,การอภิปราย,การถกเถียง,บทความเชิงอภิปราย, ข้อพิสูจน์,ข้อสรุป,ข้ออนุมาน, Syn. discussion) |
| ascites | (อะไซ'ทีซ) n. โรคท้องมาน, ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อบุช่องท้อง. -ascetic (al) adj. |
| astrictive | (แอสทริค'ทิฟว) adj. ฝาดสมาน |
| astringent | (แอสทริน'เจินทฺ) adj. หดตัว,รัดแน่น, สมาน,เฉียบขาด,เข้มงวด,รุนแรง -n. ยาฝาดสมาน, ยาสมานแผล,ยาห้ามเลือด. -astringency n., Syn. contractile, constrictive) |
| autobahn | (ออ'ทะมาน') n.,German ซุปเปอร์ไฮเวย์ (a superhighway) |
| bale | (เบล) n. ห่อใหญ่,มัดใหญ่,ม้วนใหญ่,ความชั่ว,ความหายนะ,ความเคราะห์ร้าย,ความทุกข์ทรมาน,ความเสียใจ vt. บรรจุหีบห่อ, See also: baler,n. |
| bank switching | การสลับชิปไปมาหมายถึง การสลับไปมาของการใช้ชิปในหน่วยความจำเดิมที่ติดมากับเครื่อง กับหน่วยความจำที่เพิ่มภายหลัง ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งทำให้รู้สึกเสมือนว่า หน่วยความจำทั้งสองนั้นเป็นหน่วยความจำเดียวกัน เช่น บริษัทไอบีเอ็มผลิตไมโครคอมพิวเตอร์ออกมาขายในตลาดโดยมีหน่วยความจำติดมาภายในตัวเครื่องเพียง 640 เคไบต์ แต่เรานำไปเพิ่มหน่วยความจำเป็นถึง 16 เมกกะไบต์ การที่จะทำให้หน่วยความจำเดิมกับหน่วยความจำที่เพิ่มมาใหม่ทำงานสลับกันไปมาได้ ก็จะต้องอาศัยการสลับชิปไปมานี้ อย่างไรก็ตาม หากเราเป็นเพียงผู้ใช้เครื่อง (user) ก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องนี้เท่าไรนัก เป็นหน้าที่ของช่างฝ่ายเทคนิคที่จะต้องติดตั้งหรือจัดการทำให้ |
| bedevil | (บิเดฟ'เวิล) {bedeviled,bedeviling,bedevils} vt. ทำให้ผีเข้า,สาป,แช่ง,ทำให้หลง,ทรมาน,กวน,ทำทารุณ,ทำให้สิ้นสุด,ทำให้เสียการ, See also: bedevilment n. |
| bestir | (บิสเทอร์') {bestirred,bestirring,bestirs} vt. กระตุ้น,ทำให้มุมานะ |
| bigoted | (บิก'กะทิด) adj. หัวดื้อ,ดื้อรั้น,มีทิฐิ,มานะ, Syn. narrow-minded |
| bigotry | (บิก'กะทรี) n. ความหัวดื้อ,ความมีทิฐิมานะ, Syn. intolerance |
| boot | (บูท) {booted,booting,boots} n. รองเท้าหุ้มข้อเท้า,รองเท้าบู๊ท,เครื่องหุ้มคล้ายปลอก,ฝาครอบป้องกัน,ปลอกหุ้มเบาะ,โครงรถ,เครื่องรัดทรมานข้อเท้า,การเตะ,การถีบ,การปลดออก vt. สวมรองเท้าบู๊ท,เตะ,ถีบ เริ่มต้นใหม่เริ่มเครื่องใหม่หมายถึง การเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เริ่มต้นทำงาน (ว่ากันว่า คำ "boot" นี้ มาจากคำว่า "bootstrap" เบื้องหลังการใช้คำ ๆ นี้ อยู่ที่การขู่ว่า ถ้าไม่ทำงานแล้วละก็ โดนรองเท้าบู๊ตแน่ ๆ เลย) การเริ่มเครื่องใหม่นั้น โดยปกติ เมื่อกดสวิตช์เปิดแล้ว คอมพิวเตอร์จะเริ่มต้นทำงานด้วยการอ่านจานบันทึกในหน่วยบันทึก A: ถ้าในหน่วยบันทึก A: ไม่มีจานบันทึก ก็จะไปอ่านจานบันทึก C: (จะไม่สนใจหน่วยบันทึก B: เลย) ถ้ามีจานบันทึกใน A: จานบันทึกนั้นจะต้องมีคำสั่งระบบ (แฟ้มข้อมูล command.com) อยู่ คอมพิวเตอร์จึงจะเริ่มต้นทำงานต่อไปได้ ถ้าจานบันทึกใน A: ไม่มีคำสั่งระบบ จะมีรายงานบนจอภาพว่าเป็น "non-system disk" ในกรณีเช่นนี้ต้องเปลี่ยน แผ่น A: หรือดึงแผ่น A: ออก แล้วเริ่มต้นใหม่จาก หน่วยบันทึก C: (ถ้ามี) อนึ่ง การเริ่มเครื่องใหม่นั้น ทำได้ 2 วิธี วิธีแรกเริ่มด้วยการเปิดสวิตช์ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ตามที่ได้อธิบายแล้ว เรียกว่า "cold boot" อีกวิธีหนึ่งที่ใช้เมื่อมีการเปิดเครื่องอยู่ก่อนแล้ว แต่ต้องการเริ่มเครื่องใหม่ หรือเครื่องเกิดขัดข้องหรือค้าง (hang) ให้ กดแป้น CTRL +ALT +DEL เรียกว่า "warm boot" |
| brake | (เบรค) {braked,braking,brakes} n. เครื่องห้ามล้อ,เบรก,สิ่งที่ยับยั้งหรือทำให้ช้า,เครื่องทรมาน -v. ห้ามล้อ,ทำให้ช้า,หยุด,ใส่เบรก,อดีตกาลของ break |
| castle in spain | n. วิมานในอากาศ,การฝันหวาน, Syn. daydream |
| castle in the air | n. วิมานในอากาศ,การฝันหวาน, Syn. daydream |
| caulk | (คอค) {caulked,caulking,kaulks} vt. อุด,ปิด,สมานเชื่อมรู., Syn. calk |
| cloud castle | n. วิมานในฝัน |
| command | (คะมานดฺ') {commanded,commanding,commands} v. บัญชา,สั่ง,สั่งการ,ควบคุม,มีอำนาจเหนือ,ควรได้รับ -n. การออกคำสั่ง,คำสั่ง,อำนาจสั่ง,ตำแหน่งบัญชาการ,คนในบังคับบัญชา,อักษรหรือสัญลักษณ์ที่ใช้สั่งเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน, Syn. order |
| commander | (คะมาน'เดอะ) n. ผู้บังคับบัญชา,ผู้สั่งการ,ผู้นำ,นายทหารผู้บังคับบัญชา,นาวาโท, See also: commandership n., Syn. chief,leader |
| casette tape | ตลับแถบบันทึกหมายถึง ม้วนแถบพลาสติกอาบแม่เหล็ก นำมาใช้ในการเก็บข้อมูล ใช้ทั้งกับไมโครคอมพิวเตอร์ และเครื่องขนาดใหญ่ (mainframe) ที่นำมาใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเหมือนตลับเทปเพลงธรรมดา สมัยหนึ่งเรานิยมใช้แถบบันทึกนี้เก็บข้อมูล เพราะราคาถูกกว่าสื่ออย่างอื่น แต่จะมีปัญหาตามมามากมาย เช่นในเรื่องความคลาดเคลื่อนของข้อมูล อีกทั้งยังมักจะเสียง่าย ในปัจจุบัน จึงหันมานิยมใช้จานบันทึก (diskette) จานบันทึกอัดแน่นหรือซีดี (CD) แทนกันหมดแล้ว |
| command.com | คอมมานด์จุดคอม (ชื่อแฟ้มระบบ) เป็นชื่อแฟ้มข้อมูลแฟ้มหนึ่งในระบบดอส ซึ่งบรรจุคำสั่งระบบต่าง ๆ เช่น dir, copy, del จานบันทึกที่นำมาจัดรูปแบบการเก็บข้อมูลด้วยคำสั่ง format A:/s แล้ว จะมีแฟ้มข้อมูลนี้อยู่ในแผ่น A: แฟ้มข้อมูลนี้ จะนำมาใช้เป็นแผ่นเริ่มต้นเปิดเครื่อง (boot) ได้ ถ้าใช้คำสั่ง Format ในระบบวินโดว์ ต้องกากบาทที่ช่องสี่เหลี่ยมหน้าคำ system disk ด้วย จึงจะมีแฟ้มข้อมูลนี้ (จานบันทึกที่ไม่มีแฟ้มข้อมูลนี้ ใช้เก็บแฟ้มข้อมูลได้อย่างเดียว จะนำมาสั่งให้เริ่มเครื่อง (boot) ไม่ได้) |
| commandery | (คะมาน'เดอรี) n. ตำแหน่งผู้บัญชาการ,เขตอำนาจของผู้บัญชาการ |
| commanding | (คะมาน'ดิง) adj. n. เกี่ยวกับการบัญชาการ,เด่น,ครอบงำ,สูงคลุม |
| English-Thai: Nontri Dictionary | |
|---|---|
| afflict | (vt) ทำให้เดือดร้อน,ทำให้ลำบาก,ทำให้เสียใจ,ทำให้ทรมาน |
| agonize | (vi,vt) รู้สึกเจ็บปวด,ทนทุกข์ทรมาน,ทรมาน |
| agony | (n) ความเจ็บปวด,ความทรมาน,ความทุกข์ทรมาน |
| ail | (vi,vt) เจ็บป่วย,ปวด,ทุกข์ทรมาน,ลำบาก |
| ailing | (adj) ทุกข์ทรมาน,ไม่สบาย,ป่วย |
| amethyst | (n) พลอยสีม่วง,หินเขี้ยวหนุมาน |
| anguish | (n) ความเจ็บปวด,ความปวดร้าว,ความทุกข์ทรมาน,ความกลัดกลุ้ม |
| anthropology | (n) มานุษยวิทยา |
| anthropometry | (n) มานุษยวิทยาเกี่ยวกับการวัดร่างกายของคน |
| bedevil | (vt) รบกวน,กวน,ทรมาน,ทำทารุณ,ทำให้ยุ่งใจ |
| bigot | (n) คนคลั่งศาสนา,คนหัวดื้อ,คนมีทิฐิมานะ,คนดันทุรัง |
| bigoted | (adj) คลั่งศาสนา,หัวดื้อ,หัวรั้น,มีทิฐิมานะ,ดันทุรัง |
| caulk | (vt) ปิดรู,ชันยาเรือ,อุดรูรั่ว,สมาน,เชื่อมรู |
| chronic | (adj) เป็นมานาน,เรื้อรัง |
| commando | (n) หน่วยจู่โจม,หน่วยคอมมานโด |
| common | (adj) สามัญ,ธรรมดา,ชั้นต่ำ,ไพร่,เลวทราม,สามานย์ |
| conjecture | (vt) คาดคะเน,อนุมาน,เดา,ทาย |
| construe | (n) การตีความ,การวิเคราะห์ประโยค,การอนุมาน,การอธิบาย |
| daydream | (n) การฝันกลางวัน,การฝันหวาน,ความคิดฝัน,การสร้างวิมานในอากาศ |
| deduce | (vt) อ้างจาก,อนุมานจาก,ลงความเห็นจาก,พิจารณาเหตุผลจาก |
| deduct | (vt) อนุมาน,หักออก,ชักออก |
| deduction | (n) การอนุมาน,การหักออก,นิรนัย,การหักกลบลบหนี้ |
| diligence | (n) ความขยัน,ความมาดมั่น,ความมานะ,ความพยายาม |
| distress | (n) ความเดือดร้อน,ความทุกข์ทรมาน,ความทุกข์ยาก,ภัยพิบัติ,ความลำบาก |
| effort | (n) ความพยายาม,ความมุมานะ,ความพากเพียร,ความอุตสาหะ |
| empyrean | (adj) เกี่ยวกับสวรรค์ชั้นสุดท้าย,เกี่ยวกับวิมานชั้นฟ้า |
| endeavour | (n) ความพยายาม,ความอุตสาหะ,ความมุมานะ,ความบากบั่น |
| erewhile | (adv) เมื่อไม่ช้ามานี้,ก่อนหน้านี้,เมื่อก่อนนี้,ก่อนนี้ |
| hardship | (n) ความยากลำบาก,ความทุกข์ทรมาน |
| harry | (n) การทรมาน,การทำลาย,การรบกวน,การก่อกวน |
| heaven | (n) สวรรค์,ท้องฟ้า,วิมาน,แดนสุขาวดี |
| induction | (n) การนำเข้ามา,การชักนำ,อุปมาน,การเกณฑ์,กระแสไฟฟ้า |
| inductive | (adj) นำเข้ามา,มีอิทธิพลต่อ,อุปมาน |
| infer | (vt) ลงความเห็น,วินิจฉัย,สรุป,อนุมาน,แสดง |
| inference | (n) การลงความเห็น,การวินิจฉัย,การสรุป,การอนุมาน,การแสดง |
| LONG-long-suffering | (adj) ทนทุกข์ทรมาน |
| lucubration | (n) ความขะมักเขม้น,ความขยันหมั่นเพียร,ความมุมานะ |
| martyr | (n) ผู้ยอมพลีชีพเพื่อศาสนา,ผู้ได้รับทุกข์ทรมาน |
| martyrdom | (n) การฆ่าหรือทรมานด้วยเรื่องศาสนา,ความทุกข์ทรมาน |
| tormentor | (n) ผู้ทรมาน,ตัวมาร,เครื่องทรมาน |
| อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน | |
|---|---|
| anthropocentrism | มานุษยประมาณนิยม [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| anthropology | มานุษยวิทยา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| anthropomorphism | มานุษยรูปนิยม [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| ascites, bloody | มานเลือด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| bloody ascites | มานเลือด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| allegory | อุปมานิทัศน์ [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| analog computer | คอมพิวเตอร์เชิงอุปมาน, แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] |
| anasarca | การบวมทั้งตัว, มานทะลุน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| astringent | ยาสมาน [มีความหมายเหมือนกับ stegnotic ๒] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| dropsy, abdominal; ascites; dropsy, peritoneal | ท้องมาน [มีความหมายเหมือนกับ hydroperitoneum; hydroperitonia] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| egotism | อติมานะ [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| inference | การอนุมาน [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] |
| inference engine | เครื่องอนุมาน [คอมพิวเตอร์ ๑๙ มิ.ย. ๒๕๔๔] |
| ordeal, trial by | การพิจารณาคดีโดยใช้วิธีทรมาน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| passion play | ละครมหาทรมาน [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| quartz | ควอตซ์, แร่เขี้ยวหนุมาน [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] |
| romance | นิยายวีรคติ, นิยายโรมานซ์ [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| styptic | ๑. -สมาน (แผล)๒. ยาห้ามเลือด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| syllogism | ตรรกบท, ปรัตถานุมาน [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| third degree | ระบบซ้อมผู้ต้องหา, ระบบทรมานผู้ต้องหา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| torture | การทรมาน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
| อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช. | |
|---|---|
| Anthropology | มานุษยวิทยา [TU Subject Heading] |
| Anthropometry | มานุษยมิติ [TU Subject Heading] |
| Applied anthropology | มานุษยวิทยาประยุกต์ [TU Subject Heading] |
| Ascites | มานน้ำ [TU Subject Heading] |
| Extraterrestrial anthropology | มานุษยวิทยานอกพิภพ [TU Subject Heading] |
| Anthropology, Prehistoric | มานุษยวิทยา, มานุษยวิทยาก่อนประวัติศาสตร์ [TU Subject Heading] |
| Medical anthropology | มานุษยวิทยาการแพทย์ [TU Subject Heading] |
| Algolagnia | พวกชอบทรมาน [การแพทย์] |
| Amanita Muscaria | เห็ดพันธุ์อะมานิตามัสคาเรีย [การแพทย์] |
| Astringent Preparations | สิ่งปรุงสมานผิว [การแพทย์] |
| Autochthonous | คนดั้งเดิม ใช้เรียกคนที่เกิดในดินแดนที่คนอาศัยอยู่ และมีบรรพบุรุษเป็นผู้ที่เกิดและอาศัยอยู่เดิมในอาณาเขตนั้นมานาน และถ้าเป็นพวกกลุ่มคนที่อยู่ในเขตนั้นมาแต่โบราณนานมาก จะเรียกว่า คนพื้นเมืองดั้งเดิม (aboriginal) [สิ่งแวดล้อม] |
| Dike | พนัง 1) พนังหินอัคนีที่ขวางตัวอยู่ตามชั้นหินหรือหินเดิมอื่น ๆ ของเปลือกโลก ซึ่งเกิดจากหินเหลวหรือหินหนืด (magma) ที่ถูกบีบอัดอยู่ภายใน และทะลักออกมา ตามรอยร้าวของผิวโลก แล้วแข็งตัวประจุอยู่ในรอยร้าวนั้น พนังหินนี้มักมีมุมสูงชัน ในขณะที่หินเหลวแลบขึ้นมานั้น ถ้าผ่านระหว่างชั้นของหินแต่ละชนิดที่มีรอยชั้นเป็นจุดอ่อน หินเหลวจะผ่านเข้าไปประจุอยู่ระหว่างชั้นหิน และเมื่อแข็งตัวแล้วจะกลายเป้นพนังหินอัคนีที่แทรกในชั้นหิน จึงเรียกว่า พนังแทรกชั้น (sill) 2) คันดินและทรายที่เสริมให้สูงขึ้นจากผิวดินเดิม เพื่อกั้นไม่ให้แม่น้ำหรือจากทะเล มหาสมุทรๆหลผ่านเข้ามาได้ เช่นการสร้างคันดินกั้นน้ำทะเลในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้ท้องทะเลแห้ง ใช้ทำการเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกได้ อนึ่ง ในกรณีที่เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน อาจจะสร้างคันดินกั้นน้ำมิให้น้ำทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินบ้านเรือนประชากร แถบฝั่งน้ำได้ โดยเอาทรายใส่กระสอบไปวางเรียงซ้อนสลับกันอาจช่วยลดอุทกภัยลงได้มาก [สิ่งแวดล้อม] |
| Directory | นามานุกรม, ทำเนียบนามDirectory หมายถึง นามานุกรม หรือ ทำเนียบนาม คือ หนังสือที่รวบรวมรายชื่อของบุคคล หน่วยงาน สมาคม มูลนิธิ องค์การ และบริษัทต่าง ๆ จัดเรียงรายชื่อตามลำดับอักษรหรือตามลำดับหมวดหมู่ โดยให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานที่อยู่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอื่นๆ ถ้าเป็นนามานุกรมที่รวบรวมรายชื่อบุคคลจะจะให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชื่อ นามสกุล สถานที่อยู่ ตำแหน่งหน้าที่การงาน หมายเลขโทรศัพท์ ถ้าเป็นนามานุกรมหน่วยงาน สมาคม มูลนิธิ องค์การจะจะระบุชื่อของผู้ที่เป็นหัวหน้าหน่วยงาน และให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานที่ตั้ง ปีที่จัดตั้ง วัตถุประสงค์และหน้าที่ของหน่วยงานนั้น ๆ พร้อมด้วยหมายเลขโทรศัพท์ ถ้าเป็นชื่อบริษัท ห้างร้าน จะบอกรายชื่อของสินค้าที่จัดจำหน่ายประเภทของผลิตผล รหัสที่ใช้ในการติดต่อทางโทรเลข รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
| Distress | คับขัน,ความทรมาน,ความรู้สึกเป็นทุกข์,ความยุ่งยากใจ,สภาวะคับขัน [การแพทย์] |
| Inference | การอนุมาน [TU Subject Heading] |
| inferential statistics | สถิติเชิงอนุมาน, การวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากตัวอย่างเพื่ออ้างอิงไปถึงข้อมูลทั้งหมด เป็นศาสตร์ที่ให้วิธีการเลือกตัวแทนที่ดีของประชากร [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
| Masochism | กามวิปริตชนิดเมโซคิสม์, กามวิปริต, พวกชอบถูกทรมาน, ประเภทชอบรับความรุนแรง, ชอบทำให้ตนเองไม่สบายใจทุกข์ทรมาน, การมีความสุขทางเพศจากการได้รับความเจ็บปวด [การแพทย์] |
| Dyke | พนัง 1) พนังหินอัคนีที่ขวางตัวอยู่ตามชั้นหินหรือหินเดิมอื่น ๆ ของเปลือกโลก ซึ่งเกิดจากหินเหลวหรือหินหนืด (magma) ที่ถูกบีบอัดอยู่ภายใน และทะลักออกมา ตามรอยร้าวของผิวโลก แล้วแข็งตัวประจุอยู่ในรอยร้าวนั้น พนังหินนี้มักมีมุมสูงชัน ในขณะที่หินเหลวแลบขึ้นมานั้น ถ้าผ่านระหว่างชั้นของหินแต่ละชนิดที่มีรอยชั้นเป็นจุดอ่อน หินเหลวจะผ่านเข้าไปประจุอยู่ระหว่างชั้นหิน และเมื่อแข็งตัวแล้วจะกลายเป้นพนังหินอัคนีที่แทรกในชั้นหิน จึงเรียกว่า พนังแทรกชั้น (sill) 2) คันดินและทรายที่เสริมให้สูงขึ้นจากผิวดินเดิม เพื่อกั้นไม่ให้แม่น้ำหรือจากทะเล มหาสมุทรๆหลผ่านเข้ามาได้ เช่นการสร้างคันดินกั้นน้ำทะเลในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้ท้องทะเลแห้ง ใช้ทำการเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูกได้ อนึ่ง ในกรณีที่เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน อาจจะสร้างคันดินกั้นน้ำมิให้น้ำทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินบ้านเรือนประชากร แถบฝั่งน้ำได้ โดยเอาทรายใส่กระสอบไปวางเรียงซ้อนสลับกันอาจช่วยลดอุทกภัยลงได้มาก [สิ่งแวดล้อม] |
| Reconciliation | ความสมานฉันท์ [TU Subject Heading] |
| Restorative justice | การบริหารงานยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ [TU Subject Heading] |
| Savanna Forest | ป่าหญ้า หรือ ป่าทุ่ง ป่าที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นที่แห้งแล้งภายหลัง จาก ที่ป่าธรรมชาติได้ถูกทำลายหรือถูกไฟป่าเผาไปหมด ดินมีสภาพเสื่อมโทรม ต้นไม้ไม่อาจขึ้น หรือเจริญเติบโตต่อไปได้ พวกหญ้าต่างๆ จึงเข้ามาแทนที่ สามารถพบได้ทั่วไปตามภาคต่างๆ ของประเทศไทย บริเวณที่เป็นป่าร้างและไร่ร้าง หญ้าที่ขึ้นส่วนใหญ่เป็นหญ้าคา แฝกหอม หญ้าชันอากาศ หญ้าพง สาบเสือ เป็นต้น อาจจะมีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่างๆ กันบ้าง เช่น กระโดน กระกินป่าหรือกระถินพิมาน สีเสียดแก่น ประดู่ ซึ่งเป็นไม้พวกทนทานต่อไฟป่าได้ดีมาก [สิ่งแวดล้อม] |
| stalactite | หินย้อย, หินปูนที่ย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ หินปูนมีรูปร่างต่าง ๆ กัน เกิดจากน้ำฝนซึ่งเป็นสารละลายกรดเล็กน้อย ละลายหินปูนแล้วหยดลงมาจากเพดานถ้ำ ในระหว่างที่สารละลายหยดลงมานั้นน้ำระเหยแห้งไป เกิดเป็นหินย้อยเกาะอยู่ตามเพดานถ้ำนั้น [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
| Torture | ทรมาน [TU Subject Heading] |
| Ephemera | ของสะสม Ephemera แปลว่า ของสะสมจากสิ่งที่ในตอนแรกผลิตมาเพื่อการใช้งานระยะสั้น ๆ เช่น ตั๋วรถโดยสารประจำทาง เป็นคำที่มาจากคำว่า ephemeron ในภาษากรีกหมายถึง "สิ่งที่อยู่ยาวนานไม่เกินหนึ่งวัน " ของสะสมเหล่านี้ ได้แก่ บัตรลงคะแนน บัตรเบสบอล ที่คั่นหนังสือ หนังสือการ์ตูน คูปอง รูปลอก ใบปลิว การ์ดอวยพร บัตรเชิญ ใบปลิว เแผ่นพับโฆษณา จุลสาร ของเล่นกระดาษ โปสเตอร์ รูปถ่าย แสตมป์ ไปรษณียบัตร ปฏิทิน ตั๋ว ฯลฯ จากสิ่งพิมพ์ในชีวิตประจำวันที่ถูกมองว่ามีคุณค่าเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีคุณค่าถาวรเพราะเป็นสิ่งที่ผลิตขึ้นมาในปริมาณมากหรืออยู่ในรูปแบบที่ใช้แล้วทิ้ง บางครั้งรายการของสะสมยังคงรักษาและแสดงคุณภาพกราฟิกหรือเป็นการเชื่อมโยงกับบุคคล เหตุการณ์ หรือกิจกรรมที่เฉพาะเจาะจง ในด้านห้องสมุดและสารนิเทศศาสตร์ คำว่า "Ephemera" ยังหมายถึงสิ่งพิมพ์แผ่นเดียวหรือเอกสารหน้าเดียวที่จะทิ้งไปภายหลังการใช้ ห้องสมุดขนาดใหญ่อาจเก็บรวบรวม จัดระบบและเก็บรักษาของสะสมเหล่านี้ไว้เป็นทรัพยากรสารนิเทศพิเศษ และเนื่องจากของสะสมเหล่านี้หมายถึงวัสดุที่มีการหมุนเวียนสั้น ๆ โดยมีคุณค่าต่อการอ้างอิง หรือมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวรรณคดีเพียงพอที่จะเก็บรักษาไว้เป็นจดหมายเหตุถาวร เช่น รายละเอียดของวิชาที่เปิดเรียนและตารางการเรียนการสอน จดหมายข่าว นามานุกรมของบุคลากร เป็นต้น [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
| Sunrise Industry | อุตสาหกรรมตะวันรุ่ง อุตสาหกรรมที่มีความเจริญเติบโตสูงจนเชื่อกัน ว่า จะเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของระบบเศรษฐกิจในอนาคต แทนอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่เติบโตมานานและค่อย ๆ ลดอัตราการเจริญเติบโตลง (sunset industry) แม้ว่าอุตสาหกรรมเดิมซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมหนังต่าง ๆ จะยังคงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจอยู่ แต่เชื่อกันว่าบทบาทนำในการเป็นแหล่งจ้างงานจะถูกแทนที่โดยอุตสาหกรรมดาว รุ่ง ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงและที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมบริการ [สิ่งแวดล้อม] |
| Sunset Industry | อุตสาหกรรมตะวันตกดิน ดู Sunrise Industry (Sunrise Industry หมายถึง อุตสาหกรรมที่มีความเจริญเติบโตสูงจนเชื่อกัน ว่า จะเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของระบบเศรษฐกิจในอนาคต แทนอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่เติบโตมานานและค่อย ๆ ลดอัตราการเจริญเติบโตลง (sunset industry) แม้ว่าอุตสาหกรรมเดิมซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมหนังต่าง ๆ จะยังคงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจอยู่ แต่เชื่อกันว่าบทบาทนำในการเป็นแหล่งจ้างงานจะถูกแทนที่โดยอุตสาหกรรมดาว รุ่ง ซึ่งได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงและที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมบริการ ) [สิ่งแวดล้อม] |
| Telephone directory | สมุดโทรศัพท์สมุดโทรศัพท์เป็นหนังสือที่จัดทำโดยบริษัทโทรศัพท์ จัดทำเผยแพร่เป็นประจำทุกปี ให้รายชื่อของผู้ใช้โทรศัพท์เรียงตามลำดับอักษรชื่อ-นามสกุล แยกหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจไว้ข้างท้ายเล่ม แต่ละรายการให้หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ หรือสถานที่ตั้งของหน่วยงานนั้น นอกจากนี้ยังมีสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง ที่อาจจัดพิมพ์ไว้ท้ายเล่มหรือจัดพิมพ์แยกต่างหาก โดยเรียงลำดับตามประเภทของสินค้าและบริการพร้อมให้หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ของร้านค้านั้น ๆ สมุดโทรศัพท์จัดเป็นนามานุกรมท้องถิ่น (Local Directories) ประเภทหนึ่งที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อของบุคคล หน่วยงานราชการ และบริษัท ร้านค้าต่าง ๆ ในท้องถิ่น นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีการจัดทำสมุดโทรศัพท์ออนไลน์ที่สามารถสืบค้นข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้สะดวกยิ่งขึ้น [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
| Thai-English: NECTEC's Lexitron Dictionary | |
|---|---|
| anthropology | (n.) มานุษยวิทยา See also: การศึกษาเกี่ยวกับมนุษยในด้านต่างๆ Syn. science of humans, study of humans |
| science of humans | (n.) มานุษยวิทยา See also: การศึกษาเกี่ยวกับมนุษยในด้านต่างๆ Syn. study of humans |
| study of humans | (n.) มานุษยวิทยา See also: การศึกษาเกี่ยวกับมนุษยในด้านต่างๆ Syn. science of humans |
| ethnography | (n.) มานุษยวิทยาแขนงหนึ่งซึ่งศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเผ่าพันธุ์ต่างๆ |
| aching | (adj.) ซึ่งได้รับความทุกข์ทรมาน See also: ซึ่งได้รับความเจ็บปวด Syn. in difficulties, pained |
| afflict with | (phrv.) ทุกข์ทรมานด้วย See also: ทนทุกข์อยู่กับ |
| agonize | (vt.) ทำให้ทรมาน See also: ทำให้เจ็บปวด Syn. torture |
| agony | (n.) ความทรมาน See also: ความทุกข์, ความเจ็บปวดแสนสาหัส, ความกลัดกลุ้ม Syn. suffering, torture, distress |
| analogism | (n.) อนุมานหรือการอ้างอิงจากการเปรียบเทียบ |
| anthropologist | (n.) นักมานุษยวิทยา |
| appellative | (adj.) เกี่ยวกับสามานยนาม |
| appellative | (n.) สามานยนาม Syn. common noun |
| be back | (phrv.) กลับมานิยมอีก Syn. put back |
| be striken with | (phrv.) เริ่มทุกข์ทรมานจาก |
| break down | (phrv.) ทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย |
| bygones | (n.) สิ่งที่มีมานานแล้ว |
| castle in Spain | (n.) วิมานในอากาศ See also: ฝันกลางวัน Syn. daydream |
| castle in the air | (n.) วิมานในอากาศ See also: ฝันกลางวัน Syn. castle in Spain, daydream |
| common noun | (n.) สามานยนาม |
| construe as | (phrv.) ทำให้อนุมานว่า See also: ทำให้เข้าใจว่า, ทำให้ตีความได้ว่า |
| ตัวอย่างประโยค จาก Meemodel ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ | |
|---|---|
| Let's sit here on the beach | มานั่งที่ตรงชายหาดนี่เถอะ |
| How have you been these years? | คุณเป็นอย่างไรบ้างหลายปีมานี้ |
| How long have you studied English? | คุณเรียนภาษาอังกฤษมานานแค่ไหนแล้ว |
| Have you seen Kate lately? | คุณได้เจอเคทเมื่อไม่นานมานี้ไหม |
| How long have you stayed here? | คุณอยู่ที่นี่มานานแค่ไหน |
| How long has she lived there? | เธออาศัยอยู่ที่นั่นมานานแค่ไหนแล้ว |
| How long have you been married? | คุณแต่งงานมานานแค่ไหนแล้ว |
| How long has he been sick? | เขาป่วยมานานแค่ไหนแล้ว |
| Has he travelled anywhere recently? | เขาเดินทางไปที่ไหนเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่ |
| You're only interested in romance | คุณสนใจแต่เพียง(หนัง)โรมานซ์ |
| I have not seen that in years | ฉันไม่ได้เห็นอย่างนั้นมานานหลายปี |
| I warned you long ago | ฉันเตือนคุณมานานแล้ว |
| Where have all of you been recently? | พวกคุณทุกคนไปอยู่ที่ไหนมาไม่นานมานี้? |
| Why did you bring me here? | คุณพาฉันมานี่ทำไม? |
| How long have you been working together | พวกคุณทำงานด้วยกันมานานแค่ไหน? |
| How long have you guys been together? | พวกคุณคบกันมานานแค่ไหนแล้ว? |
| You've been here long enough | คุณอยู่ที่นี่มานานพอควรแล้ว |
| Could you come here please? | คุณช่วยกรุณามานี่หน่อยได้ไหมคะ? |
| How long have you been working here? | คุณทำงานที่นี่มานานแค่ไหน? |
| How long have you been in this country? | คุณอยู่ที่ประเทศนี้มานานแค่ไหนแล้ว? |
| How long have you been like this? | คุณเป็นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว? |
| I've known about it for a very long time | ฉันรู้เกี่ยวกับมันมานานแล้ว |
| I've had my eye on her a long time | ฉันเฝ้าดูเธอมานานแล้ว |
| So I haven't taken a bus for a long time | ฉันไม่ได้ขึ้นรถบัสมานานแล้ว |
| You're here | คุณมานี่ได้ แหกคุกมาหรือไง |
| We've been friends a long time | พวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน |
| How long have you had your license? | คุณได้ใบขับขี่มานานแค่ไหน? |
| I spent quite a bit of time in India recently | ฉันไปอินเดียเพียงแค่ไม่กี่วัน เมื่อไม่นานมานี้ |
| I just got an awesome idea! | ฉันเพิ่งจะได้ไอเดียบันเจิดมาน่ะ |
| I'm going to change, so don't come in! | ฉันกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าเพิ่งเข้ามานะ |
| I haven't cared about anyone for so long | ฉันไม่ได้สนใจใครมานานมากแล้ว |
| ตัวอย่างประโยค จาก Open Subtitles | |
|---|---|
| Who was the broker working under Man Jong? | ใครเป็นนายหน้าที่ทำงานให้ มาน จอง |
| Tell Man Jong I am bringing in the kid | บอก มาน จาง ฉันเอาเด็กมา |
| Come here! Don't you touch my... | มาน อย่าคุณสัมผัสของฉัน ... |
| Man Jong, do they sell kids as well these days? | มานจอง เดี่ยวนี่มันขายเด็กด้วยไหม |
| Mance Rayder, you've been called the King-beyond-the-Wall. | มานซ์ เรย์เดอร์ ผู้ถูกขนานนาม ว่าราชานอกกำแพง |
| Mance Rayder marches on the Wall with an army of 100,000. | มานซ์ก็กำลังยกทัพนับแสนสู่ผากำแพง |
| Mance said it would be the greatest fire the North has ever seen. | มานซ์บอกว่ามันจะใหญ่มาก อย่างที่แคว้นเหนือไม่เคยเห็นมาก่อน |
| Mance knows how to make crows sing. | มานซ์รู้วิธีเค้นความลับจากอีกา |
| Mance Rayder don't care if I live or die. | มานซ์เองก็ไม่สน ว่าข้าจะอยู่หรือตาย |
| Let's just stay here and snuggle. | มานอนกอดกันที่นี่ก่อนดีกว่า |
| Come here, beside me, daughter. | มานอนข้างๆข้ามา ลูกสาวข้า |
| Sleeping together in our house. You understand. | มานอนด้วยกันในบ้านนี้ คงเข้าใจนะ |
| Let's sleep at my place. | มานอนที่บ้านฉันก็ได้ |
| Even if its just for a day or two. | มานอนสักวันสองวันก็ได้ |
| A one-fifteenth lay. | มานอนอยู่หนึ่งที่สิบห้า |
| Come through. I'll send a car for you. | มานะ ฉันจะส่งรถไปรับ |
| Come over if you feel like eating. | มานะ ถ้านายรู้สึกอยากกินขึ้นมาน่ะ |
| Come on, do something. | มาน่ะ ทำอะไรซักอย่างสิ |
| Come on. I'll throw you a couple. | มาน่ะ พ่อจะซ้อมขว้างบอลให้ลูก |
| No, some pictures of us having a great time reassuring her of all the fun we have together. | มาน่ะ มองกล้องไว้ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราก็ไม่เคยสนุกกับพ่อจริงๆ ของเราเหมือนกัน |
| COME ON! WE GOTTA PLAN A BIG PARTY! | มาน่ะ เราต้องวางแผนปาร์ตี้แล้ว |
| Come on, Seamus, go on, get it | มาน่ะเชมัส เข้าไปข้างใน |
| Come on, I got to tell you something. | มานั่ง ฉันมีอะไรเล่าให้ฟัง |
| Yes, please. Okay, Cannula. | มานั่งก่อนสิ เดี๋ยวผมมา |
| Come sit by me. | มานั่งกับฉัน - นั่นหมายความว่า เราตกลงกันได้แล้ว |
| Come on, sit down with us for a while, why don't you? | มานั่งกับเราสักหน่อยไม่ได้เหรอ |
| Come sit by me, Colins. | มานั่งข้าง ๆ ฉันสิ คอลินส์ |
| Let's just sit down and finish... | มานั่งคุยต่อและจัดการ... |
| Okay, look, the only reason I was looking at old pictures of Fey is because I'm trying to figure out who my real father is. | มานั่งคุ้ยรูปเก่าๆของเฟย์ ก็เพราะฉันพยายามจะหาว่า ใครคือพ่อที่แท้จริงของฉัน ถึงฉันอยากจะแสดงว่าเห็นใจเธอแค่ไหน |
| You wanna sit over here or are you waiting foryour friends? | มานั่งด้วยกันมั้ย หรือว่ารอเพื่อนอยู่? |
| Guys, come sit with us. ♪ Oh, oh, oh ♪ you must be Seth. I'm Walt. | มานั่งด้วยกันสิ นายน่าจะเป็น เซธ? |
| Come. Have some iced tea. | มานั่งดื่มชาเย็นกันหน่อย |
| Let's have a drink together, please sit. | มานั่งดื่มด้วยกันซิครับ, เชิญนั่งครับ.. |
| You're just torturing yourself watching them. | มานั่งดูให้ทรมานใจเปล่าๆ |
| You're gonna... come sit down for a second. Come here. | มานั่งตรงนี้ซักแปปได้ไหม / มานี่ |
| Could you sit over there, please. | มานั่งตรงนี้หน่อยได้ไหมครับ |
| It's easier than you think. | มานั่งตักลุงสิ จะได้ช่วยถนัดๆ |
| MAN 1: Excuse me, Serena. | มานั่งถักเปีย เปิดอกคุยกันทั้งคืนนี่นา |
| All on your own here, mama? | มานั่งทำอะไรคนเดียวครับแม่ |
| What you doing out here, man? | มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ |
มาน ในภาษาญี่ปุ่น| Japanese-Thai: Saikam Dictionary | |
|---|---|
| 悩ます | [なやます, nayamasu] Thai: ทำให้ทรมาน English: to torment |